วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2550

นิทาน แจ็กผู้ฆ่ายักษ์



แจ็กผู้ฆ่ายักษ์



มีหมู่บ้านน่ารักๆ แห่งหนึ่ง มีหญิงหม้ายคนหนึ่ง อาศัยอยู่ในกระท่อมกับลูกชายชื่อ แจ็ค วันหนึ่งนางเรียกลูกชายเข้ามาหา แล้วพูดว่า "ลูกจงเข้าไปในเมือง เอาแม่วัวของเราไปขายที่ตลาด เราจะได้เอาเงินมาซื้อเสื้อผ้า และอาหาร" แจ็คเสียดายแม่วัวที่เคยเลี้ยง แต่ก็ต้องทำตามที่แม่สั่ง เพราะไม่มีเงินซื้ออาหาร ในขณะที่แจ็คเดินจูงวัวเข้าในเมือง ระหว่างทางเขาพบชายแก่คนหนึ่ง ชายแก่คนนั้น มีเมล็ดถั่วหลากสีอยู่ในมือ ชายแก่ถามแจ็คว่า "หนูจะจูงแม่วัวไปที่ไหน" แจ็คก็บอกกับชายแก่ว่า "แม่ต้องการเงิน จึงต้องเอาแม่วัวตัวนี้เข้าไปขาย ที่ตลาดในเมือง" แจ็คเห็นเมล็ดถั่วสวยๆ จึงถามแลกแม่วัว กับเมล็ดถั่วของชายแก่ เมื่อแลกกันเสร็จแล้ว ชายแก่บอกว่า "เมล็ดถั่วนี่ไม่ใช่เมล็ดถั่วธรรมดา แต่เป็นเมล็ดถั่ววิเศษ ที่ไม่มีใครเคยรู้จักมาก่อน"
แล้วทั้งสองก็แยกทางกัน แจ็คกลับมาถึงบ้าน รีบเอาถั่ววิเศษไปอวดแม่ พูดว่า "แม่จ๋า ดูถั่ววิเศษในถุงนี่สิ" แต่แม่ไม่ได้สนใจ กลับถามแจ็คว่า "ขายแม่วัวได้เท่าไร" แจ็คตอบว่า "ลูกแลกแม่วัวกับถั่ววิเศษถุงนี้แหละ" แม่ทราบดังนั้น โกรธมาก หยิบถุงถั่วจากมือแจ็ค ขว้างออกไปทางหน้าต่าง พอรุ่งเช้า แจ็คตื่นขึ้นมามองออกไปทางหน้าต่าง เขาแปลกใจมาก ที่เห็นต้นถั่วต้นใหญ่ ขึ้นอยู่ใกล้บ้านต้นถั่วยักษ์นี้ จะต้องเป็นต้นถั่วที่เกิดจากเมล็ดถั่ววิเศษ ที่แม่ของแจ็คขว้างออกไปทางหน้าต่าง อย่างแน่นอน ต้นถั่วยักษ์ต้นนี้ช่างสูงจริงๆ สูงจนมองไม่เห็นยอด แจ็คปีนขึ้นไปจนสุดยอด ที่นั่นเขาพบปราสาทของยักษ์ตัวหนึ่ง แจ็คเดินเข้าไปในปราสาท พบหญิงแก่คนดูแลปราสาท หญิงแก่เตือนแจ็คด้วยความหวังดีว่า ให้รีบกลับไปโดยเร็ว ก่อนที่ยักษ์เจ้าของปราสาท จะกลับมาเห็น แล้วจับแจ็คกินเป็นอาหาร แจ็คตอบว่า "ปีนขึ้นมาเหนื่อยเหมือนกัน ขอหยุดพักสักประเดี๋ยวเถิด" หญิงแก่จึงให้แจ็คหลบซ่อนอยู่ใต้โต๊ะ ฝ่ายยักษ์ใหญ่เจ้าของปราสาท เดินเข้ามาในปราสาท ทำจมูกฟุตฟิตๆ แล้วพูดว่า "ฉันได้กลิ่นมนุษย์" หญิงแก่จึงค้านว่า "ไม่ใช่หรอก ฉันย่างหมูไว้ให้ท่านมื้อเย็นนี้ต่างหาก" เมื่อยักษ์กินอาหารเสร็จเรียบร้อย ก็สั่งให้หญิงแก่อุ้มแม่ไก่ทองมาไว้บนโต๊ะ "ออกไข่เดี๋ยวนี้" ยักษ์ร้องลั่น ทันใดนั้น แม่ไก่ก็ออกไข่ทองคำมาฟองหนึ่ง จากนั้นยักษ์ก็สั่งให้หญิงแก่นำถุงทองมาให้ ยักษ์เปิดปากถุงแล้วคว่ำลง มีเหรียญทองร่วงออกมามากมาย เสร็จแล้วยักษ์ก็ให้หญิงแก่นำพิณทองมาให้อีก เมื่อวางพิณทองลงบนโต๊ะ พิณทองก็เริ่มบรรเลงอย่างไพเราะ ยักษ์นั่งดูสมบัติอย่างอิ่มเอมใจ ยักษ์ดื่มเหล้าจนหมดขวด และหลับไปในที่สุด "เร็วเข้าแจ็ค รีบหนีเร็ว" หญิงแก่กระซิบ เอาของเหล่านี้ไปด้วย ของเหล่านี้เป็นสมบัติของพ่อเธอทั้งสิ้น ยักษ์ตัวนี้เป็นคนฆ่าพ่อของเธอตาย แล้วแย่งเอาสมบัติของพ่อเธอมา แจ็คเก็บเอาเหรียญทองใส่ในถุง อุ้มแม่ไก่ และหยิบพิณทองขึ้นมาจากโต๊ะ รีบวิ่งออกไปจากปราสาทโดยเร็ว เสียงพิณทำให้ยักษ์ตื่น เมื่อเห็นของบนโต๊ะหายไปหมด ยักษ์ก็ออกวิ่งตามแจ็คไปในทันที แจ็ควิ่งตรงไปที่ต้นถั่ว รีบไต่ลงไปตามต้นถั่ว แจ็คมีรูปร่างเล็กกว่า จึงปีนได้อย่างรวดเร็ว พอใกล้จะถึงพื้นดิน เขาตะโกนให้แม่ช่วย "แม่จ๋า ช่วยด้วย หยิบขวานให้ลูกที" แม่ของแจ็คได้ยินก็รีบหยิบขวานส่งมาให้แจ็ค แจ็คได้ขวานก็ฟันฉับๆ ลงไปที่โคนต้นถั่ว ในที่สุดต้นถั่วก็ล้มฟาดกับพื้นดิน ยักษ์ตกลงจากต้นถั่ว หัวทิ่มดินตายสนิท และตั้งแต่นั้นมา แจ็คกับแม่ของเขาก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข

นิทาน เจ้าชายกบ




เจ้าชายกบ




เจ้าหญิงผู้งดงามองค์หนึ่ง เสด็จออกเดินเล่นในสวน เจ้าหญิงมีลูกบอลทองลูกหนึ่ง ขณะที่เจ้าหญิงโยนลูกบอลทองเล่นอยู่นั้น ลูกบอลทองเกิดกลิ้งตกลงไปในสระ เจ้าหญิงเสียดายลูกบอลมาก กำลังยืนคิดว่า ทำอย่างไรจึงจะเอาลูกบอลคืนมาได้ ก็พอดีมีกบตัวหนึ่งกระโดดขึ้นจากน้ำ แล้วพูดกับเจ้าหญิงว่า "ถ้าหม่อมฉันรับอาสาเอาลูกบอลทองขึ้นมาให้ เจ้าหญิงจะต้องรับหม่อมฉันไว้เป็นเพื่อนสนิท ให้นั่งคู่โต๊ะเสวย และนอนเคียงกับเจ้าหญิงได้ไหม" ด้วยความอยากได้ลูกบอลทองคืน เจ้าหญิงตอบตกลงทันที เสร็จแล้วเจ้ากบน้อยก็รีบดำลงไปในน้ำสักพักใหญ่ ก็โผล่ขึ้นมา ปากคาบลูกบอลทองส่งให้เจ้าหญิง เจ้าหญิงรับลูกบอลทอง แล้วก็เดินจากไป
พอตกถึงเวลาเย็น ขณะเจ้าหญิงนั่งอยู่ที่โต๊ะเสวย ร่วมกับพระราชา และพระราชินี ทันใดนั้นก็มีเสียงดังกึกๆ มาหยุดที่หน้าประตู แล้วก็มีเสียงเคาะที่ประตู เรียกชื่อเจ้าหญิง แต่เจ้าหญิงทรงนิ่งเฉยเสีย เสียงที่หน้าประตูดังขึ้นอีก "เจ้าหญิงโปรดเปิดประตูรับหม่อมฉันด้วย" เจ้าหญิงทรงเดินไปเปิดประตู เห็นกบตัวที่พบในสวน เจ้าหญิงจึงทำเฉยเสีย แล้วปิดประตู แล้วกลับไปนั่งโต๊ะ พระราชาทรงฉงนพระทัยมาก รับสั่งถามเจ้าหญิงว่า มีอะไรที่หน้าประตู ยังไม่ทันที่เจ้าหญิงจะตอบว่าอย่างไร ก็มีเสียงเคาะประตูอีก และมีเสียงพูดว่า "โปรดเปิดประตูรับหม่อมฉันด้วย" เจ้าหญิงสัญญาว่า จะรับหม่อมฉันไว้เป็นเพื่อนสนิท หม่อมฉันมาถึงแล้ว โปรดเปิดประตูรับหม่อมฉันด้วย พระราชา และพระราชินีได้ยินดังนั้น ก็ไต่ถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น เจ้าหญิงทรงเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง และกล่าวว่า "ลูกไม่คิดว่า กบจะทิ้งสระขึ้นมาอยู่บนบกได้ จึงได้ให้สัญญา" พระราชาพูดว่า "ถ้าลูกได้สัญญาไว้เช่นนั้นแล้ว ก็ต้องทำตามสัญญา จงไปเปิดประตูรับกบเข้ามา" เจ้าหญิงทรงทำตามคำสั่ง ฝ่ายกบ เมื่อเข้ามาในห้องได้แล้ว ก็กระโดดขึ้นนั่งบนเก้าอี้ คู่กับเจ้าหญิง กินอาหารในจานอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อกบกินอาหารเสร็จแล้ว ก็พูดขึ้นว่า ง่วงนอนจริง คราวนี้เจ้าหญิงจะต้องพาหม่อมฉัน ขึ้นไปนอนบนเตียงด้วยละ เจ้าหญิงทรงเสียพระทัยมาก ถึงกับร้องไห้ออกมา ด้วยเสียงอันดัง พระราชาได้รับสั่งว่า "ลูกได้ให้สัญญาไว้อย่างนั้น จะต้องทำตามสัญญา จงพากบขึ้นไปนอนบนเตียงของลูกเดี๋ยวนี้" เจ้าหญิงได้พากบขึ้นไปข้างบน เมื่อเข้าไปในห้อง เจ้าหญิงทำท่าจะโยนกบไปที่มุมห้อง แต่กบร้องขึ้นว่า เจ้าหญิงต้องทำตามสัญญา พูดแล้วกบก็กระโดนขึ้นไปนอนบนเตียง ของเจ้าหญิง เจ้าหญิงรู้สึกรังเกียจมาก กบพูดอีกว่า ถ้าเจ้าหญิงไม่ยอมให้หม่อมฉันนอนบนเตียง หม่อมฉันจะกราบทูลให้พระราชา ทรงทราบว่า เจ้าหญิงไม่ทำตามสัญญา เจ้าหญิงได้ยินดังนั้นทรงโกรธมาก จับกบเหวี่ยงไปมุมห้อง กบก็เลยต้องลงไปหงายท้องนอนแผ่สองสลึง สลบแน่นิ่งอยู่ตรงนั้นในทันทีทันใด..... เจ้าหญิงเมื่อเห็นกบนอนสลบแน่นิ่งไม่ไหวติงเข้าดังนั้น ก็ตกพระทัยเป็นอย่างมาก ทรงตรงเข้าไปที่ใกล้ ๆ แล้วเอื้อม พระหัตถ์ไปแตะต้องตามร่างกายของมัน แล้วยิ่งเจ้าหญิงไม่เห็นว่ามันหายใจ และขยับเขยื้อนเข้าให้อย่างนั้น... เจ้าหญิงจึงได้สำนึกผิดว่า...นี่เราคงจะทำโหดร้ายกับมันมากเกินไปเสียแล้ว..." ฉันขอโทษ...ฉันไม่ได้ตั้งใจ...อย่า เพิ่งตายนะ...ได้โปรดลุกขึ้นมาเถิดเจ้ากบน้อยของฉัน... " พูดจบน้ำตาอันใสสะอาดจากดวงพระเนตรของพระองค์ ก็เอ่อล้น ร่วงหล่นลงไปสัมผัสเอาเข้ากับร่างของเจ้ากบ ทันใดนั้นเอง ก็เกิดสิ่งมหัศจรรย์ กบที่มีรูปร่างน่าเกลียด ได้กลายเป็นเจ้าชายหนุ่มรูปงาม เจ้าชายทรงเล่าให้เจ้าหญิงฟังว่า "หม่อมฉันคือเจ้าชายที่ถูกแม่มดสาปให้กลายเป็นกบ และสิ่งที่จะถอนคำสาปได้ก็มีแต่หยาดน้ำตาอันบริสุทธิ์และมีเมตตาของพระองค์เท่านั้นพระเจ้าข้า " มีแต่เจ้าหญิงองค์เดียวเท่านั้น ที่จะแก้คำสาปได้ พระราชา และพระราชินีทรงดีพระทัยมาก ทรงทราบเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งสองพระองค์ทรงจัดพิธีแต่งงาน ให้แก่เจ้าชาย และเจ้าหญิงอย่างใหญ่โตมโหฬาร ในพิธีแต่งงานมีชาวเมืองเป็นจำนวนมาก พากันโห่ร้องแสดงความยินดี ให้แก่เจ้าชาย และเจ้าหญิงด้วยความพึงพอใจเป็นอย่างมาก





Hello Test

สวัสดีครับ
ยินดีต้อนรับเข้าสู่ไดอารี่ส่วนตัว